วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

[NC18][OS] Paper&Pen [BNior]





[OS] Paper&Pen [BNior]

Jaebum x Jinyoung

NC-18



ทำไมกระดาษกับปากกาถึงต้องใช้คู่กันล่ะ..?


กระดาษแสนจืดชืดไร้สีสัน


ปากกาไม่ว่าจะแต่งแต้มไปบนอะไรก็ประทานสีสันให้สิ่งนั้น


ปาร์ค จินยอง เป็นกระดาษ


จืดชืด หม่นหมอง


อิม แจบอม เป็นปากกา


สว่างไสว สง่างาม


พวกเราไม่มีทางเหมือนกันได้เลยแม้แต่น้อย..


แสงสว่างจากโคมไฟที่ถูกเปิดกระทันหัน ปลุกจินยองที่เผลอหลับคาโต๊ะอ่านหนังสือให้ลืมตาขึ้น ร่างบางขยับแว่นสายตาที่ยังคงใส่อยู่เล็กน้อย พยายามเพ่งสายตามองผู้มาเยือนได้ถนัด


แจบอมในชุดเสื้อเชิ้ตที่หลุดรุยยกยิ้ม รอยแดงๆตามลำคอแกร่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนตัวสูงไปทำอะไรมา จินยองเมินหน้าหนี ก่อนจะถูกดึงไปประทับจูบอย่างรวดเร็ว


"หึงหรอ"


น้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์กระซิบถาม


"อือ..อุก.."


แต่ไม่ทันได้ตอบลิ้นร้อนก็แทรกเข้ามาเสียก่อน


จินยองพยายามดิ้นหนีสัมผัสร้อนระอุ ร่างกายบิดเกร็งไปทั่วทั้งร่าง ยามที่นิ้วเรียวเค้นคลึงกระตุ้นส่วนอ่อนไหวบริเวณหน้าอกผ่านเนื้อผ้า เสื้อไหมพรมเสียดสีกับยอดอกจนมันตั้งชันนูนเด่นขึ้น


ร่างบางอ่อนแรงลง นั่นคือสิ่งที่ อิม แจบอม ตั้งใจ..


"อ๊ะ..พรุ่งนี้มีสอบ.."


ร่างบางถดคอหนีสัมผัสที่จาบจ้วง แจบอมเลื่อนตำแหน่งของริมฝีปากมาที่คอ ไล้จมูกโด่งซุกไซร้วนเวียนบริเวณนั้น ก่อนจะขบกัดเบาๆที่ปุ่มชีพจรจนกายขาวหอบหายใจถี่ ส่วนอ่อนไหวดุนดันขึ้นตามหยาดอารมณ์ คราบน้ำขาวเลอะเป็นดวงเห็นตรงกลางเป้ากางเกงอย่างเด่นชัด ไม่ต่างอะไรกับดวงตาที่ฉ่ำเยิ้ม..


กระดาษสีขาวกำลังจะถูกหมึกปากกาละเลงแต้มจนแปดเปื้อน..





"อ๊ะ..อ๊าาาา แจ..แจ..บอม อึก.."


ขาขาวกางออกกว้าง ถูกยกพาดไว้ตรงเอวหนา แจบอมกระแทกสะโพกพร้อมสูดปากคราง นึกพอใจในความร้อนและความคับแน่นที่กำลังดูดกลืนส่วนนั้นของเขา ดวงตาคมจ้องมองร่างของจินยองถูกขบกัดไปทุกสัดทุกส่วน

กระดาษที่แสนบริสุทธิ์ของแจบอม..


"แรง..ฮ๊า..แรง..ไป..อ๊ะ..แล้ว.."


ฝ่ามือบางจิกเกร็งไร้ทางขัดขืน แว่นตาทรงกลมยังไม่ถูกถอดออกเพราะคนตัวใหญ่กว่าบอกว่ามันเร้าอารมณ์ได้ดี ไอร้อนทำให้แว่นตาพร่ามัว จินยองมองเห็นไม่ชัดเลย..


มองเห็นปากกาที่เข้ามาเติมเต็มในชีวิตเขาไม่ชัดเลย..


"อั๊ก..อ๊าา.. จะไม่ไหวแล้ว.."


แรงอัดกระแทกทวีความรุนแรงขึ้น แจบอมถอดถอนส่วนนั้นของตัวเองออก พลิกกายอีกฝ่ายในท่าคลานเข่า แล้วสอดใส่สิ่งนั้นเข้าไปใหม่อีกครั้ง จินยองถึงกับระทวย ซุกใบหน้าลงกับหมอนแล้วอ้าปากครางออกมาไม่หยุด ยอดอกถูกมืดเรียวบดคลึง ไม่ต่างจากแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยร่องรอยฟันคม


จินยองเหมือนคนกำลังจะตาย..


เสียวไปทั้งท้องน้อยแถมหัวสมองยังว่างเปล่าอีก..


ขาก็สั่นไปหมดยิ่งได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันด้วยแล้วสติก็ยิ่งเตลิดไปใหญ่


จวบจนสิ้นสุดของอารมณ์หยาดน้ำขาวก็พุ่งอัดเข้าเต็มช่องทางด้านหลัง


บางส่วนไหลลงมาเต็มงามขา.. และส่วนของจินยองก็เลอะเทอะเต็มหน้าท้อง..


"แฮ่ก..แฮ่ก.."


เสียงหอบดังสะท้านทั่วทั้งห้อง.. ห้องที่มีแค่เราสองคน..





"ออกไปทำข้างนอกมาแล้วยังไม่พอหรอ.."


ร่างของจินยองถูกจับพลิกให้นอนท่าสบาย แจบอมกอดร่างบางกว่าไว้หลวมๆ หอมแก้มเนียนหอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้จากแป้งที่ร่างในอ้อมแขนใช้


"แค่เกือบทำหน่า พวกนั้นมานัวเนียฉันเองนะ เปล่าแตะต้องเลย"


ร่างสูงยิ้มขำเมื่อเห็นหน้าของจินยองดูไม่เชื่อสักเท่าไหร่ งี้แหละ จินยองขี้ระแวง แต่ก็ไม่เคยว่าอะไรถ้าเขาจะนอกใจ เพราะจินยองมักจะคิดอยู่เสมอ..ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเขา..


ทั้งๆที่มันไม่จริงเลย..


"ฉันไม่นอกใจจินยองหรอก"


แจบอมกล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น เขารู้สึกดีที่หน้าของจินยองดูผ่อนคลาย และยิ้มออก


"พูดแล้วนะ.."

"อื้ม.."



ริมฝีปากหยักทาบทับบนริมฝีปากอิ่ม ความสัมพันธ์ของพวกเราเริ่มต้นจากการเป็นรูมเมทกันธรรมดา..


แจบอมเป็นคนอิลซาน สอบติดมหาลัยที่โซล ส่วนจินยองเป็นคนจินแฮ เราเจอกันครั้งแรกในวันที่แสนสำคัญของเด็กที่เตรียมเข้ามหาลัย แจบอมจำเค้าโครงหน้าสวยของจินยองได้ดี เราสอบข้างกัน


แจบอมแทบไม่มีสมาธิเลย.. เพราะใบหน้าที่กำลังตั้งอกตั้งใจสอบแบบนั้นมันดึงดูดสายตาของเขาเหลือเกิน ราวกับกระดาษเรียบๆ ที่เขาอยากจะเอาตัวเองเข้าไปเติมสีสันให้กระดาษแผ่นนั้น..

  
และก็เหมือนโชคเข้าข้าง.. จากคนที่แค่นั่งสอบข้างกันก็กลายมาเป็นคนรู้จัก..

เพราะหลังจากนั้นเราก็สอบติดมหาลัยเดียวกัน


แจบอมเป็นคนเข้าไปทักจินยองก่อน ร่างบางจำเขาไม่ได้สักนิด แถมยังพูดน้อยมากเสียด้วย เรากลายมาเป็นรูมเมทกันด้วยความตั้งใจของแจบอมเอง ตามจริงเขาไม่ได้ลำบากเรื่องเดินทางหรอกนะ เขามีญาติอยู่ที่โซลเยอะแยะด้วยซ้ำ แต่พอได้ยินว่าจินยองตามหารูมเมทอยู่ เขาก็เสนอตัวทันที นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆเท่านั้น ก่อนที่จุดๆนั้นจะค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น..


ในวันที่จินยองโดนแกล้งกลับมา..


แจบอมไม่แน่ใจเท่าไหร่ ว่าโตจนถึงขั้นเรียนมหาลัยแล้วทำไมถึงยังมีการกลั่นแกล้งกันแบบเด็กๆอยู่อีก วันนั้นจินยองกลับมาถึงห้องตัวเลอะเทอะไปด้วยสี.. กลิ่นของทินเนอร์แรงเสียงจน ตอนเข้ามาแจบอมยังต้องใช้ผ้าปิดจมูก ร่างบางดูโรยแรง แต่ก็พูดเล่าให้เขาฟังเพียงแค่สั้นๆว่า “โดนสาดสีใส่น่ะ” แรกๆแจบอมคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่พอนานวันเข้า.. มันก็ชักรุนแรงขึ้นทุกที


จินยองกลับมาจากโรงเรียนในสภาพที่ดูไม่จืดในแต่ละวัน..


บางวันก็น้ำ.. บางวันก็สี.. บางวันก็ไข่..


ไม่เข้าใจเลยว่าคนๆนี้ไปทำอะไรให้คนเคืองนักหนา..


กระดาษแผ่นเรียบที่ดูมีราคากลับถูกทำให้เปื้อนด้วยของสกปรก แจบอมยอมรับเขาไม่ค่อยชอบใจ หนักสุดดูเหมือนเป็นเข็มมุดที่ใส่ในรองเท้า.. จินยองดูเจ็บมากและในตอนนั้นแจบอมเองก็ทนไม่ได้อีกต่อไป.. วันนั้นเหมือนเราจะทะเลาะกัน.. เพราะจินยองไม่ยอมพูดเสียทีว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทำเรื่องพวกนี้..


“ตกลงใครทำแบบนั้บนาย!!”

“มันก็ไม่เกี่ยวกับนายนี่”

“เฮ้ ปาร์ค จินยอง!!”


ทั้งๆที่เขาเป็นห่วงแต่จินยองกลับไม่สนใจ มันเป็นวูบแรกของความยุ่งเยิง แจบอมไม่กลับมาที่ห้องเป็นเวลาเกือบเดือน เขายอมรับว่าเขาโกรธ และไม่อยากทนเห็นอีกฝ่ายโดนแกล้งแบบนั้นซ้ำๆ ไม่เข้าใจเลยว่าจินยองกำลังทนกับอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขากลับไป.. มันเป็นความจำใจกลับไปมากกว่า เพราะเขาดันลืมของที่สำคัญเอาไว้และมันดันจำเป็นต้องใช้.. แจบอมอุส่าห์เลือกช่วงเวลาที่คิดว่าจินยองไม่อยู่แน่ๆ แต่เขาคิดผิด.. เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปเขาก็เจอจินยองนอนหลับขดอยู่ในซอกแคบๆมุมห้อง..


แถมยังกอดเสื้อของเขาเอาไว้แน่น..


วินาทีนั้นดูเหมือนความเงียบจะเป็นสิ่งน่ากลัวเกินไป การหนีปัญหาก็เช่นกัน มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย แจบอมลืมไปแล้วว่าตัวเองปลุกจินยองด้วยวิธีไหน สิ่งที่จำได้คือ จินยองยอมเล่าทุกอย่างให้แจบอมฟังในวันนั้น.. น่าตลกมั้ยล่ะ ไอสิ่งที่ตามทำร้ายจินยองมาตลอด.. นั่นก็คือ.. แฟนเก่าของเขา..


แจบอมไม่ได้คบผู้หญิงอยู่แล้ว ถึงไม่ได้เป็นเรื่องแปลกที่บรรดาหนุ่มหน้าหวานอดีตคนเคยๆจะเข้าใจผิดเรื่องจินยอง เขาเองก็มีส่วนผิดที่ออกหน้าออกตาไปส่งอีกฝ่ายที่คณะบ้าง ก็นะ.. กับคนที่ชอบมันก็อยากดูแลใช่มั้ย.. อื้ม.. เราสารภาพความรู้สึกกันในวันนั้นนั่นแหละ จนกระทั่งมีวันนี้..


“คิดอะไรอยู่หรอ..”


ร่างสูงหลุดออกจากห้วงความคิดทันควัน ก่อนจะก้มลงมาฟัดแก้มเนียนนุ่ม จินยองเอียงหน้าเล็กน้อยจ้องมองมาทางเขาด้วยดวงตากลมโต


“เปล่า ไม่ได้คิดอะไรเลย”


เขาโกหก.. ทั้งๆที่ในหัวมีเรื่องของจินยองอย่างมากมายแท้ๆ..


“หรอ..”


แต่เพราะจินยองไม่เคยเค้นถาม.. แจบอมถึงไม่เคยพูดมัน..


คนตัวบางซุกหน้าลงกับอกอีกฝ่าย กิจกรรมที่ร้อนแรงเมื่อครู่ผ่านพ้นไปได้ไม่นานมือเรียวก็ยุ่มย่ามอยู่แถวสะโพกเขาอีกแล้ว จินยองหลับตาเกร็ง เมื่อนิ้วมืออุ่นผลุบหายเข้าไปในช่องทางของเขาอีกครั้ง..


“อ๊ะ..ฮ๊ะ..”


เสียงครางดังลอดออกมาไม่ขาด ผ้าห่มที่คลุมตัวถูกเลื่อนออกจนเห็นเรือนกายที่เต็มไปด้วยรอยจูบ


“รักแจบอมมั้ย..”


ราวกับเป็นการบีบบังคับให้พูด..


“รักสิ..”


แต่จินยองก็เต็มใจที่จะตอบมัน..


“เหมือนกันนะ..”


รอยยิ้มของร่างสูงทำให้จินยองเผลอยิ้มตาม.. จินยองไม่ใช่คนพูดหวาน ไม่ใช่คนเข้าสังคม ตามจริงเขากับแจบอมเหมือนอยู่คนละฝั่งของโลก แจบอมเป็นเหมือนปากกาที่คอยเติมสีสันให้คนรอบข้าง แต่จินยองกลับเป็นกระดาษเรียบเปล่า ตามจริงเขาจำแจบอมได้ตั้งแต่ในห้องสอบนั่นด้วยซ้ำ.. คนที่สะดุดตาที่สุด..และทำให้เขาใจเต้นแรกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น


แต่เขาก็แค่เลือกที่จะไม่พูดมันเท่านั้น..


บางทีความรักมันก็ไม่จำเป็นต้องสื่อด้วยความรู้สึกยุ่งยากให้มากความ เหมือนการที่เราจะเอนกายพิงพักที่ร่างของใครสักคน มันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมาประกอบหรอก ว่าทำไมต้องเลือกคนนี้ เขาดีอย่างนั้น เขาดีอย่างนี้ ของแบบนี้มันเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ไม่ใช่หรอ? ว่าเราอยู่ข้างกายใครแล้วสบายใจ.. มันก็เหมือนสิ่งที่เกิดมาเพื่อคู่กันนั่นแหละ.. ไม่มีใครเคยสอนนี่..



ว่ากระดาษมันต้องใช้คู่กับปากกา..



มันเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองทั้งนั้น..



ความรักเองก็เช่นกัน..







END.



Full Part





1 ความคิดเห็น: